จากวันที่ตัดสินใจเปลี่ยนไปทำงานเขียนโปรแกรมแบบเต็มตัว และ Deploy โปรเจกต์เว็บไซต์ React เว็บแรกของตัวเอง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนี้เราได้ Deploy Project เว็บไซต์ E-Commerce ระดับองค์กร โปรเจกต์แรกของเราเป็นที่เรียบร้อย 🥹 รู้สึกดีใจที่คิดว่าเส้นทางที่เราเลือกในตอนนั้น น่าจะเหมาะสมกับเราที่สุดจริงๆ แล้ว จนถึงตอนนี้ถึงจุดที่ต้องเข้าศึกษาต่อในระดับมหาลัย ก็ติดคณะไอทีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศเป็นที่เรียบร้อย ฝีมือและผลงานที่สะสมมาใช้เป็น Port ในการยื่นเข้ามหาลัยได้ดีมากๆ ยังไงมาสุดขนาดนี้แล้ว จะตั้งใจเรียนในห้องเรียนมหาลัยให้เต็มที่แน่นอน ดีใจมากๆ ที่จะได้เรียนตรงกับสายงานที่เราทำจริงๆ แล้ว และจะพัฒนาตัวเองในสายงานนี้ต่อไปเรื่อยๆ แน่นอน มีฝีมืออย่างเดียวไม่พอ Connection ก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เช่นกัน ขอบคุณ กฤติพงศ์ ทรงยศ ที่มอบ Connection และงานดีๆ ให้กับเรามากมาย แถมเป็นคนทำให้ AONA Co., Ltd. เกิดขึ้นจริงได้อีกด้วย สมกับตำแหน่ง CEO ในปัจจุบันจริงๆ นั่นแหละ // ตอนนี้ยังสั่งของผ่านเว็บไม่ได้นะ ขึ้นเป็น Landing & Product Info ไว้ก่อน แต่สั่งได้ภายในเร็วๆ นี้แหละ ไม่เกินเดือนแน่นอน 🥹
จบแล้ว ชีวิตมัถยมปลายของเรา รวมถึงชีวิตมัถยมตลอด 6 ปีที่ผ่านมา รวมถึงผ่านวัน SO LONG (ปัจฉิม ver. รุ่นน้องจัดให้รุ่นพี่) ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยบรรยากาศนอยๆ อยากมีคนมาถ่ายรูปด้วยเยอะๆ เหมือนคนอื่นๆ อยากลงสตอรี่เป็นไข่ปลาเหมือนคนอื่น แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมีคนมาถ่ายรูปกับเราแค่ไม่กี่คน (แต่ก็ขอบคุณคนที่อยู่ด้วยกันและมาถ่ายรูปกับเราด้วยนะ) สำหรับโพสต์นี้คงไม่พิมพ์อะไรมาก แค่อยากบอกสิ่งที่ตกผลึกเกี่ยวกับชีวิต 6 ที่ผ่านมา ว่าเราทำอะไรพลาดไปบ้าง ทำไมเราถึงจบได้แบบหงอยๆ แบบนี้ - ผิดเองที่ในช่วง ม.ต้น โคตรเบียว เรียกร้องความสนใจ ทำคนอื่นเดือดร้อนไปหมด จนเป็นที่รังเกียจ จนถึงตอนนี้ก็ unfollow, unfriend เราไปเกือบครึ่งห้องแล้วมั้ง แต่ก็ไม่เป็นไร เขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับเราก็ไม่เป็นไร ; ) (ถ้าตอนนี้พวกคุณได้ผ่านกลับมาเห็น ก็อยากจะขอโทษสำหรับสิ่งแย่ๆ ที่เคยทำลงไปด้วยครับ) - ผิดเองที่ ม.ปลายเลือกเข้าสายธุรกิจ-เทคโนโลยี ทำให้เจอสังคมที่ไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่นัก แต่ก็ยินดีที่ได้เจอเพื่อนในทุกๆ คน - และสุดท้าย ผิดเองที่ไม่ได้ Popular ไม่ได้เป็นที่รู้จักของเพื่อนๆ เลยไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงออกไปพูดในวัน SO LONG เรามีอะไรอยากพูดเยอะมากๆ สุดท้ายก็คงแค่ได้เก็บไว้ในใจ เพียงคนเดียว จนถึงวันที่เราเป็นที่รู้จักในสังคม ทุกคนคงจะฟังเราเองล่ะมั้ง... แต่ยังไงก็ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆ เรายังมีเพื่อนสนิทของเรา ถึงจะไม่กี่คน แต่ก็อยู่คุยด้วยกันตลอด (แกล้งกูตลอด) ไม่เคยหายไปไหน อยู่ร่วมทุกข์ผ่านการปั่นงาน, โดนครูด่ามานับไม่ถ้วย จนถึงตอนนี้ก็คงหมดเวลาเหล่านั้นแล้ว ก็อยากขอบคุณเพื่อนในกลุ่ม หรือเพื่อนสนิทเราทุกคนจริงๆ ยังไงจบจากนี้ไปก็นัดเที่ยวนัดกินข้าว (แดกเหล้า) ได้ตลอดเวลาเลยนะ 😁 และก็ขอให้ทุกๆ คน โชคดีกับชีวิตมหาลัย รวมถึงชีวิตต่อจากนี้ด้วยนะ ใครที่ยังไม่ติดมหาลัยก็สู้ๆ นะ เราเข้าใจว่ามันรู้สึกโหวง มี่เห็นเพื่อนหลายคนติดกันหมดแล้วแต่ตัวเองยังไม่ติด ยังไงห้ามเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นและห้ามกดดันตัวเองนะ เราทุกคนมีมุมที่เก่งเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ยังไงต้องตามเพื่อนๆ ไปได้ทันแน่นอน! ส่วนคนที่ติดมหาลัยแล้ว ก็ยินดีด้วยนะ พวกคุณเก่งมากๆ แล้ว ใช้ชีวิตช่วงปิดเทอมให้เต็มที่นะ 😉 ดูน้อยลง
ผมติดรอบพอร์ทไอทีลาดกระบัง (เพิ่มเติม) แล้วครับทุกคน! ตามที่ได้ประกาศไปเมื่อวาน ว่าขอดีใจก่อน แล้วจะเอาเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่เราอยากจะพูด มาเขียนเป็นโพสต์ยาวๆ สักโพสต์ (เหมือนจะมีคนรออ่านด้วยมั้ง 555) หลายๆ คนน่าจะเห็นโพสต์ของเราตอนวันประกาศวันแรกแล้วเนอะ (16/01/67) ว่าเราไม่มีรายชื่ออยู่ในนั้น เราก็ทำใจกับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่ผิดหวังไม่ติดเหมือนกับเรา แล้วก็เหมือนมองเห็นภาพตัวเองตอนต้องเตรียมติวรอบสอง กับติว A-Level ไปแล้ว เราเสียดายแผนที่เราตั้งใจว่าช่วงกุมภา-มีนา จะเอาเวลาไปลงกับธุรกิจของเราเต็มที่ เพราะก็เปิดเป็นบริษัทแล้ว (บริษัท อะโอน่า จำกัด) แล้วก็กะจะไปอยู่เชียงใหม่กับแฟนสักเดือนด้วย แต่พอเจอแบบนั้น แผนที่วางไว้ก็พังหมดเลย วันนั้นเราเสียใจมากๆ จริงๆ แต่คิดว่ายังไงก็ต้องสู้ต่อไป เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในฝันของเราที่นี่ให้ได้ เหลือโอกาสในรอบ 2-3 ให้คว้า ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย หลังจากวันนั้นที่เรารู้ผล และได้เผยแพร่ความในใจออกไปในโซเชียลทุกช่องทาง เราก็เหมือนไปได้ยินอีกมุมหนึ่งมาว่า มีเพื่อนๆ ที่หลายคน หรือรุ่นพี่ในคณะที่รู้จักเรา สงสัยว่า ทำไมเราถึงไม่ติด ทั้งๆ ที่เราก็มีผลงานขนาดนั้น และไม่ได้สงสัยแค่เราคนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่พวกรุ่นพี่มองว่าควรจะติด แต่กลับไม่ติด พวกที่มีผลงานไปแข่งระดับประเทศหรืองานแข่งไอทีดังๆ ก็ไม่ติด มีรุ่นพี่หลายคนแนะนำให้เราลองขอคำร้องเพื่อให้กรรมการทบทวนผลการตัดสินดู เพราะปีที่แล้วก็มีเหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้น คือผลการคัดที่มันแปลกๆ และรุ่นพี่เขาก็คอมเมนท์กันว่าปีนี้ผลการคัดนั้นแปลกกว่าปีที่แล้วอีก เราเห็นรุ่นพี่หลายคนพยายามเรียกร้องแทนเรา โพสต์ส่งสารถึงมหาลัยบนหน้าเฟซ วันนั้นคือเราซาบซึ้งมาก ที่มีคนยังยอมรับในผลงานของเรา และพยายามช่วยเหลือเราให้เราติด เรารู้สึกซึ้งในความผูกพันของสังคมในไอทีลาดกระบังมากจริงๆ แต่เราก็ไม่ได้คิดจะส่งคำร้องอะไร และก็ไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย เราเชื่อว่าการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด และเราคงเปลี่ยนแปลงอะไรมันไม่ได้ เราก็ยอมรับความจริงและเตรียมใจวางแผนชีวิตเพื่อติวสอบในรอบ 2-3 แล้ว และแล้วก็ถึงวันถัดมา (17/01/67) เราตื่นมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะความตื่นเต้นจนไม่ได้นอนเมื่อวันก่อน แล้วก็ซึมตั้งแต่เช้าจนไปโรงเรียน เพื่อนชวนคุยเรื่องนี้ก็ไม่อยากคุยด้วย นอนอยู่ท้ายห้องคนเดียวไม่อยากคุยกับใคร แต่เราก็ยังแอบมีความหวังลึกๆ ในใจ เรายังนั่งรีเฟรชโซนประกาศในเว็บทุกๆ 1 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าโอกาสที่จะมีอะไรเกิดขึ้นนั้นมีน้อยมากๆ เพราะเราคิดว่า ถ้าจะมีแก้ไขอะไรจริงๆ ก็คงใช้เวลาเป็นวัน และคงประกาศไม่ทัน ปีที่แล้วก็มีการเรียกร้อง มีการยื่นคำร้อง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเราก็เชื่อว่าปีนี้ก็คงเป็นเหมือนปีที่แล้วเช่นกัน และแล้ว ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ระหว่างที่เรากำลังเดินเปลี่ยนคาบ เราก็ลองเข้าไปรีเฟรซอีกครั้ง แล้วเราก็เห็นประกาศอันใหม่โผล่ขึ้นมา "รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ระดับปริญญาตรี แบบ Portfolio รอบที่ 1 (เพิ่มเติม) คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ประจำปีการศึกษา 2567" และอัตราการเต้นของหัวใจก็สูงขึ้นมา ตัวเราสั่นไปทั้งตัว แล้วเราก็รีบคลิกกดเข้าไปอ่าน แล้วในที่สุด ความหวังก็เป็นจริง เราได้เห็นชื่อตัวเองปรากฏคนแรกในกลุ่มของความสามารถ จากจำนวนที่ประกาศเพิ่มเติมทั้งหมด 10 คน และด้วยความที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ทำให้เรารู้สึกดีใจสุดๆ ความรู้สึกมันตรงข้ามกับคำว่า "ไม่คาดหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง" ตรงที่ว่า พอไม่คาดหวัง แล้วมันดันสมหวังขึ้นมา ทำให้มันดีใจกับความสมหวังนั้นมากจริงๆ มากกว่าตอนที่คาดหวังอีก มันทำให้เรารู้สึกอยากขอบคุณตัวเองเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่ตกหลุมรักในการเขียนโค้ด ตัดสินใจเริ่มต้นเขียนโค้ดอย่างจริงจัง ดีใจกับพอร์ตที่เราตั้งใจทำ ดีใจที่ความพยายามที่ผ่านนั้นไม่ได้ไร้ค่า เราก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าปาฏิหาริย์นี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง เหมือนเป็นปีแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นด้วย ยังไงก็ตาม เราอยากขอบคุณทุกๆ คนจริงๆ ที่มีส่วนที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้ ทั้งรุ่นพี่ที่ออกมาตั้งข้อสงสัยและเรียกร้อง ขอบคุณเพื่อนๆ ที่คอยให้กำลังใจ รวมไปถึงขอบคุณอาจารย์ที่พิจารณาผลการตัดสินอีกครั้ง ทำให้ความหวังและฝันของเราเป็นจริงได้ ขอบคุณจริงๆ 🥹 อย่างไรก็ตาม การเดินทางมันก็ยังไม่ถึงปลายทาง เรายังเหลือด่านสัมภาษณ์ที่เราต้องเผชิญ แต่เราก็เชื่อมั่นว่า เราจะต้องผ่านมันไปได้แน่นอน! และที่สำคัญ เรามีข้อความอยากบอกคนกับคนที่ผิดหวังกับผลประกาศที่ออกมา เราเห็นเพื่อนเรามากมาย ที่ผิดหวังและไม่ได้สมหวังกับผลประกาศที่ออกมา บางคนถึงกับรู้สึกเหนื่อยจนตัดสินใจเลือกที่จะซิ่วหรือไม่เรียนต่อไปเลย เราอยากบอกพวกคุณทุกคนว่า เราเข้าใจพวกคุณนะเว้ย เราไม่อยากให้คนที่ผิดหวังมองว่าคนที่สมหวังจะดีใจกับความสมหวังจนลืมเพื่อนที่ผิดหวังไป เราโคตรเข้าใจพวกคุณเลย เพราะในการประกาศครั้งนี้ เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผิดหวังในตอนแรกเหมือนกัน และเราก็มาสมหวังในตอนท้าย ดังนั้นเราอยากบอกว่า เราเข้าใจความรู้สึกของทั้งคนที่สมหวังและผิดหวังเลย มีเพื่อนเราคนหนึ่งบอกกับเราเสมอว่า การคัดเลือกคนในรอบพอร์ตหรือการแข่งขันอะไรแบบนี้ มักจะมีคนที่ผิดหวังมากกว่าคนที่สมหวังเสมอ ผมแทบไม่ฟังเพื่อนเลย หรือถึงฟังผมก็เชื่อว่า กลุ่มเพื่อนของผมจะเป็นส่วนน้อยตรงนั้นที่จะสมหวัง จนได้มารู้ และยอมรับความจริง ถึงมันจะรู้สึกดีใจที่ตัวเองสมหวัง แต่เราก็ดีใจได้ไม่สุดอยู่ดี เพราะเพื่อนหรือคนที่เรารักที่อยู่คุยด้วยกันมา มีความฝันแบบเดียวกับเรา ที่ยังไม่ถึงฝัน สุดท้ายเข้าไปมันก็ไม่ได้เป็นตามที่เราคาดหวังขนาดนั้น เพราะสุดท้ายส่วนหนึ่งที่เราเลือกที่นี่ก็เพราะสังคมอยู่ดี เราอยากให้พวกคุณรู้ว่าเราเข้าใจ และเป็นห่วงความรู้สึกของพวกคุณมากๆ คุณไม่ติดในรอบนี้ไม่ใช่ว่าคุณไม่เก่งเลย เราเชื่อว่าพวกคุณทุกคนเก่งมากๆ และพยายามเต็มที่แล้ว เพราะงั้น มาติวรอบโควต้าและรอบ 3 ไปด้วยกันนะ ผมจะอยู่ติวเป็นเพื่อน รวมถึงเพื่อนที่ติดแล้วอีกหลายๆ คน ก็จะอยู่ติวเป็นเพื่อนเคียงข้างพวกคุณเหมือนกัน 🥺 ใครที่อยากติวไปกับเรา DM มาได้เลย เรามีกลุ่มติวที่มีพี่ในคณะเป็นคนช่วยติวอยู่ มาสู้ต่อไปด้วยกันนะ แล้วเราต้องได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในคณะ ในรุ่นของพวกเรา "IT22" อย่างแน่นอน!
"ผมไม่ติดรอบพอร์ตไอทีลาดกระบัง และไม่ติดทุก ม. ที่ยื่น (4 ที่) ไปสัก ม. เลยครับ" มา เดี๋ยวขอสรุปเรื่องทั้งหมดเป็นโพสต์ๆ เดียวเลยแล้วกัน คนเห็นโพสต์ที่เพ้อแต่ละโพสต์คงงงว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างที่รู้กันว่าเรายื่นพอร์ตของเราไปหลายๆ ม. มากๆ ทั้ง มช., ล้านนาเชียงใหม่, บางมด แล้วก็ลาดกระบัง แต่กับลาดกระบัง เราหวังไว้สูงมากๆ เพราะเป็นมหาลัยที่ใจเราอยากเข้าเป็นอันดับ 1 ไปทั้ง ITCAMP19 และ ToBeIT'67 The Second ผูกพันกับรุ่นพี่ในคณะกับเพื่อนในค่ายกันไปแล้ว ยังไงก็ต้องเข้า ม. นี้ให้ได้จริงๆ เราค่อนข้างมั่นใจกับผลงานในพอร์ตของเรามากๆ เพราะยัดใส่เต็มทุกอย่างที่เรามี [(https://drive.google.com/.../1VQ1p6BOzaDHYt9E7F4F.../view...)](https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fdrive.google.com%2Ffile%2Fd%2F1VQ1p6BOzaDHYt9E7F4FgdKbuZt2neklT%2Fview%3Fusp%3Ddrive_link%26fbclid%3DIwAR1EfW4q25Fy4KalH0PdJLz4_NQ86q-4EBd94yGHpVPVJo3ZwRIawZ864wI_aem_AX9rkEseWdkHJfQvPzCf-lM5ldmQMkNKgvhi0mDCIq5p70yOa6sESKfO2vxr8H9SET8u8hAj_jfi1FzHfW_MrHO4&h=AT1UyBefScRxzbczGZesgAjFXhPnqLMTEtsaG5vX4J9HiDLAFtTzNh7u7ZoJLLfa_TBm8qEUV70VyEhTO1seHRRHyYtdmJc70LRFfzqA9Xy_0y_Jo1lHloHeZsE5mRrKrgYVxFHCKg&__tn__=-UK-R&c[0]=AT2Z1xeRWe7P1XxwVLEIPlSwtJBhQzhxvbUcT8R3qgdJDleCuJJTnc2XxvHpmt2bqivS9-PHYMjN5ieEfwRb9EUloXtNnpNTq_5R8HPzluDZh-jyNMpcfnui9wMVjWxJlA37v0sJYtVcm2mN2PMXKFzeKg) เมื่อคืนก็นอนไม่หลับทั้งคืน เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น โคตรตื่นเต้น ตื่นมาวันนี้ก็หวังว่าจะได้ยินข่าวดี มั่นใจ 70-80% เหมือนตอนรอผลค่าย ToBe แต่ก็นะ... ผลก็ไม่ได้ออกมาเป็นตามที่เราคาดหวังไว้ (Reaction ตามในคลิปเลย 🥹) ยอมรับว่าเสียใจมากๆ เสียใจกว่าตอนที่ยายเสียอีก (เรื่องนั้นอาจจะหมดห่วงแล้ว แต่ความหวังของเขาก็ขึ้นอยู่กับเรา) เพราะเราหวังไว้สูงมากๆ วางแผนชีวิตอะไรไว้ล่วงหน้าเยอะมากๆ มั่นใจว่ายังไงก็ต้องติด สุดท้ายพอรู้ว่าไม่ติดก็เหมือนตกเหว เสียใจกับเวลาที่รอคอยมา ความตั้งใจที่ตื่นมาลงทะเบียนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ความตั้งใจในการทำพอร์ต แถมให้กำลังใจเพื่อนเยอะมากๆ กลายเป็นว่าเราไม่ติดซะเอง เราไม่ได้ร้องไห้มาเป็นปี สุดท้ายก็ต้องมาเสียน้ำตาให้กับเรื่องอะไรแบบนี้ จริงๆ ก็แอบตั้งคำถามนะ เรามั่นใจว่าบทความที่เราเขียน กับผลงานที่เราใส่ลงไป ไม่ได้แย่เลยนะเว้ย ใส่ไปเต็มเหนี่ยวเลย คะแนนเรา TGAT ก็ไม่ได้แย่ แถมเพื่อนเราก็ติดกันเยอะอยู่ ทำไมคนแบบเราถึงไม่ติดกันนะ แต่ทำไงได้ "ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด" ยังไงก็ไม่ยอมแพ้หรอก เราจะต้องเข้าไอทีลาดกระบังให้ได้ จะสู้ต่อให้เต็มที่ในรอบ 2-3 แน่นอน รวมถึงอยากบอกเพื่อนไอทีที่ผิดหวังเหมือนกับเรา ยังไงฮึบแล้วไว้ไปสู้ใหม่ด้วยกันนะ 🥹 (แต่ขอเวลาทำใจสัก 1-2 วันก่อนนะ 😞)
review2023 ปีนี้เป็นปีที่ได้ลองออกมาใช้ชีวิตคนเดียว ขึ้นสุดลงสุดเหมือนรถไฟเหาะ จนเกือบเอาตัวไม่รอด เราไม่เจอคำ ๆ นึง ในไอจีมา ที่เหมาะกับปีนี้ของเรามาก นั่นก็คือ “อาจจะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุด แต่เป็นปีที่ได้เรียนรู้เยอะมากที่สุด” นี่ก็ผ่านมา 1 ปี จากการเขียน yearreview แล้วหรอเนี่ย เราเริ่มเขียน review ชีวิตตัวเองตั้งแต่ปลายปี 2020 รอบนี้ปลายปี 2023 ก็เป็นครั้งที่ 3 ละ แล้วรู้สึกว่าเหมือนจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปีด้วย 555+ ปีนี้จะพยายามไม่เขียนเยอะแล้วกัน เผื่อเพื่อนคนไหนอยากจะอ่านจริง ๆ จะได้ไม่เหนื่อย รวมถึงตัวเราเองในอนาคตตอนที่กลับมาอ่านด้วย 555 ในปีที่แล้ว เราจัดหัวข้อการเล่าเรื่อง เป็นการคุยกับตัวเองทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต คราวนี้เราขอปรับเป็น 7 หัวข้อง่าย ๆ ละกัน นั่นก็คือ - ปีนี้ทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง - ปีนี้ทำอะไรล้มเหลวบ้าง - เรื่องสำคัญที่ได้เรียนรู้ในปีนี้ - เราทำอะไรสำเร็จตามที่เราหวังไว้ในปีที่แล้วได้บ้าง - ตอบคำถามตัวเองในปีที่แล้ว - เราหวังอะไรให้ตัวเราในปีหน้าบ้าง - ตั้งคำถามให้กับตัวเองในปีถัดไป มาเริ่มจากหัวข้อแรกกันดีกว่า “ปีนี้ทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง” - ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่ขอเงินที่บ้านใช้ ค่ากิน ค่าที่อยู่ ค่าไฟ หาจ่ายเองหมดเลย น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้านได้เยอะ แต่ก็คงเกินตัวเราไปหน่อย - การเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน กับการมี Mass Product ในกิจการของตัวเอง ถึง 2 ชิ้นด้วยกัน นั่นก็คือ EasyDonate และ AONA Karaoke (ปิดชั่วคราวเนื่องจากแมสเกิน จนโดนลิขสิทธิ์เล่น) ทั้งหมดนี้เกิดจากการโพสต์ลงเฟซโง่ ๆ แล้วคนแชร์ออกไปพันกว่าแชร์ ของ AONA Karaoke นี่หนักเลย เพจข่าวหรือคนดังเอาไปโพสต์ต่อ รวม ๆ น่าจะ 50,000 แชร์ได้มั้ง ซึ่งตรงนี้ต้องให้เครดิตโอเปกเลย นางเป็นคนเริ่มต้นทำ ไม่ใช่เรา - เข้าร่วมกิจกรรมในสาย IT มากมาย ทำให้ได้รู้จักผู้คนและสังคมใหม่ ๆ ในสายนี้เยอะขึ้นมาก ทั้งในโซนไอทีลาดกระบัง และกลุ่ม Creators Graten ทำให้รู้ว่าประเทศไทยนี้มีคนที่อัจฉริยะในด้านไอทีโคตรเยอะ และเราก็นับถือพวกเขามาก ๆ - ได้รับงานสเกลใหญ่จากองค์กรที่มีชื่อเสียง ตรงนี้ได้ Connection และได้รับงานมาจากโอเปกเลย ต้องให้เครดิตนางอีกแล้ว เป็นงานเว็บไซต์ของแว่นกรองแสงชื่อดังเจ้าหนึ่ง ขึ้นต้นด้วย O ลงท้ายด้วย S ซึ่งเป็นงานสเกลใหญ่มาก ๆ ใช้เวลาทำประมาณ 6 เดือน เริ่มตอนสิงหา ตอนนี้ก็ใกล้จะเสร็จละ เดือนหน้าก็คงได้ปล่อยแล้ว เป็นงานที่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เดือนสิงหา ไม่ต้องหาทำงานอื่นเพิ่มเลย แต่ก็หนักและเหนื่อยมาก ๆ เช่นกัน เหมือนเป็นการ Scale ไปอีกเลเวล จากเริ่มรับงานเว็บไซต์แรกตั้งแต่ปีที่แล้ว 5k ไป 10k, 15k, 20k, 25k จนมาปีนี้ แตะไปถึงหลักแสน ทำให้เราดีใจกับตัวเองมาก ๆ แต่อนาคตก็คงไม่เลือกรับงานใหญ่แบบนี้หรือมูลค่ามากกว่านี้ต่อไป เพราะมันเหนื่อยมาก ๆ เราอยากไปทำงานที่มั่นคงกว่านี้ อาจจะขอสมัครเป็นพนักงานเงินเดือนสักองค์กร หรือทำธุรกิจของตัวเองให้เต็มที่ไปเลยน่าจะดีกว่า - ได้มี Macbook เป็นของตัวเองสักที จริง ๆ ปีนี้ผ่าน Macbook มา 3 เครื่องละ ของตัวเอง 2 ยืมเพื่อน 1 แต่เครื่องล่าสุดก็เป็นของตัวเองจริง ๆ ละ นั่นก็คือ Macbook Pro M1 เพิ่งซื้อที่เชียงใหม่เมื่อเดือนตุลา ถามว่าเราพอใจกับมันมั้ย ตามตรงก็คงจะยังไม่พอใจหรอก แรมมันแค่ 8 เอง เรารู้สึกรัก Pro 14 มากกว่า เป็นไปได้ในอนาคตถ้ามีทุนเยอะพอก็คงจะอัพไปอีกนั่นแหละ แต่ตอนนี้ก็พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ในระดับนึงละ มาที่หัวข้อถัดไป “ปีนี้ทำอะไรล้มเหลวบ้าง” - การเทขาย Apple Ecosystem ที่ตัวเองรักทิ้งทั้งหมด เนื่องจากไม่มีทุนในการทำธุรกิจ แต่พูดอย่างนั้นมันก็คงไม่ถูก จริง ๆ เราก็เคยเขียนเรื่องนี้ลงเฟซแล้ว คือตอนที่ EasyDonate มันแมสแรก ๆ ตอนนั้นทุกคนในทีมไม่พอใจกับระบบที่เราเขียน เราเลยต้องเขียนใหม่ ซึ่งต้องทำทันที เพราะต้องรีบสร้างรายได้จากมัน เราเลยเอาเวลาของเรา 1 เดือนไปเขียนระบบใหม่ทั้งเดือน จนทำให้เราไม่ได้ทำงานอื่นที่ได้เงิน ซึ่งปกติจะทำทุกเดือน ทำให้เดือนนั้นเราไม่มีรายได้เข้ามาเลย ค่าคอนโด, ค่าไฟก็เริ่มถามหาและ เราเลยจำเป็นต้องขายสิ่งที่ตัวเองมีหลาย ๆ อย่าง นั่นก็คือ Apple Ecosystem ที่เรารักทิ้งทั้งหมด ได้แก่ iPhone 13 Pro, iPad 8th, Apple Watch SE 2, AirPods Pro 2 รวมมูลค่าเกือบ 30k ซึ่งก็ทำให้เราอยู่รอดได้ ที่เราตัดสินใจขายเพราะเชื่อว่าอีกแปปเดียวตอนเปิดสร้างรายได้จาก EasyDonate ก็คงมีเงินไปซื้อคืนแล้ว สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้น มันก็มีรายได้เข้ามา แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น สุดท้ายเราก็ไม่ได้ของ ๆ เราคืน และก็ต้องพยายามไต่ขึ้นไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง - โดนยกเลิกดีลงานหลักแสน แถมยังโดนผู้ใหญ่หลอกใช้ (แต่ก็ได้ดีลงาลมูลค่ามากกว่านั้น 2 เท่าในภายหลัง 😁) ตรงนี้ขอไม่ลงรายละเอียดเยอะแล้วกัน แต่บทเรียนโดยรวมก็อยู่ในหัวข้อถัดไปนะ - การตัดสินใจผิดพลาดในเดือนกันยา ที่ทำให้รายได้จากธุรกิจ (EasyDonate) หายไปเลย 3 เดือน แต่สุดท้ายก็แก้ไขได้และกลับมาสร้างรายได้ต่อได้ในเดือนธันวา - คิดถูกจริง ๆ แล้วหรือเปล่า ที่เลือกออกมาใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่ ม.6 หลังจากนั้น “แล้วเราได้เรียนรู้อะไรในปีนี้บ้าง” - การออกมาใช้ชีวิตคนเดียว หาเลี้ยงตัวเองทุกอย่าง (ค่ากิน, ค่าที่อยู่, ค่าไฟ) แม่งโคตรเหนื่อย แล้วก็ต้องเสียอะไรไปเยอะมาก อย่าฝืนเลย ใช้ชีวิตชิว ๆ เหมือนคนในวัยเดียวกับเราก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ - ความเพ้อฝันของเราสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้ - คณะที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดคือคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พระจอมเกล้าลาดกระบัง - อย่าไว้ใจใคร ไม่ว่าเขาจะดูมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายพอเขาจะบิดเขาก็บิดจริง ๆ มูลค่าความเสียหายที่โดนไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นคือ 10,000++ ก็ถือเป็นค่าประสบการณ์ที่ได้เจอแล้วกัน ขี้เกียจฟ้องด้วย เสียเวลาชีวิต + เสียสุขภาพจิต ไม่คุ้ม เอาเวลาไปทำงานดีกว่า - ทุกคนบนโลกนี้ไม่ได้จำเป็นต้องโตไปเป็นเจ้าของธุรกิจเสมอไป หลายคนอาจจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตให้มีความสุข และมีความมั่นคงก็พอแล้ว - บัญชีแม่งโคตรสำคัญและน่ากลัวมาก ๆ ดีที่เรามี Partner ที่เก่ง และสามารถช่วยเราในเรื่องนี้ได้ดีมาก ๆ โอเคร เข้าสู่ช่วงผ่อนคลาย ปีนี้เราทำอะไรสำเร็จตามที่หวังไว้ในปีที่แล้วบ้าง - ใช้ชีวิตได้อยากสุขสบาย มีเงินใช้และมากพอที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่น (ยังทำไม่ได้) - ธุรกิจที่ทำอยู่เจริญรุ่งเรือง การงานมั่นคง มีรายได้มากกว่า 200,000 บาทต่อเดือน และมีเงินเก็บถึง 1,000,000 บาท (ทำธุรกิจของตัวเองเป็น Full time) (ยังทำไม่ได้) - ติดมหาลัยที่เหมาะกับเรา ถ้าติดก่อนคนอื่นได้จะดีมาก จะได้สบายก่อนคนอื่น (ยังทำไม่ได้) - รถของตัวเองสักคัน มอไซต์ก็ได้ รถยนต์ก็ดี (ยังทำไม่ได้) - มี Macbook พกพาสบายๆ สักเครื่อง (ทำได้แล้ว) โห 1/5 เองหรอ สงสัยจะหวังมากไปหน่อย 555 ไม่เป็นไร ปีหน้าลองพยายามดูใหม่แล้วกัน 🥺 แล้วก็มาตอบคำถามตัวเองที่ตั้งไว้เมื่อปีที่แล้วกันดีกว่า - ธุรกิจหรือการงานที่ทำอยู่เป็นไงบ้าง รายได้เป็นยังไง เหนื่อยกับตรงนี้มากไหม แล้วคิดว่าคุ้มกับชีวิตไหมกับที่ทำไปแต่ละอย่าง งานดี รายได้ก็ดี และก็เหนื่อยมาก ๆ เช่นกัน แต่ถามว่าคุ้มไหมหรอ เราก็ว่าคุ้มนะ เป็นปีที่ได้ประสบการณ์ในการทำงานเยอะมาก ๆ แต่ปีหน้าก็คงเพลา ๆ ลงหน่อยแล้วละ ให้ชีวิตตัวเองมีความสุขก่อนดีกว่า แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกเป้าหมายที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจนะ - มี Macbook ใช้หรือยัง มีแล้วจ้า ตามที่เขียนไว้ด้านบนเลย - ชีวิตมัถยมปลาย ม.6 เป็นไงบ้าง ก็ดีนะ เรื่องเพื่อนก็ดี แต่เรื่องเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เทอมแรกเกือบติด มส. ร. เพราะขาดเรียนเยอะมาก แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้ ไม่ติด ร. ไม่ติด มส. แต่เกรดค่อนข้างเหี้ยนิดนึง ซึ่งเหี้ยมาตั้งแต่ขึ้น ม.4 แล้ว แต่เราก็ไม่แปลกใจ เพราะเรารู้ตัวว่าเราเอาเวลาไปเรียนรู้เองหรือเอาไปทำงานมากกว่า แต่ก็เป็นเหตุผลที่ตอนนี้สมัครมหาลัยรอบพอร์ตไปแล้ว 4 ที่ โดนปฏิเสธไปแล้ว 3 ซึ่งเราคิดว่าเพราะเรื่องเกรดเนี่ยแหละ แต่เราก็หวังว่าที่สุดท้ายที่ยังไม่ประกาศผล นั่นก็คือไอทีลาดกระบัง จะรับรักเรานะ เป็นอันดับ 1 ที่อยากเข้ามากจริง ๆ 🥺 (ลงรอบความสามารถพิเศษไป ซึ่งปีที่แล้วมีพี่คนนึงที่เกรดประมาณเรา ผลงานประมาณเรา และเขาติดรอบนี้ เราเลยคิดว่าเราก็คงติดละวะ 😂) สอบ TGAT ก็เอาตัวรอดได้ แต่ TPAT3 ก็… 💀💀💀 ซึ่งตอนนี้ก็หวังว่าเราคงไม่ต้องไปสอบ A-Level ต่อเพื่อไปยื่นรอบถัด ๆ ไปนะ ให้มันจบแค่นี้เถอะ จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นต่อ 🥺🥺🥺 - คิดว่าอะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปีนี้บ้าง ก็คงจะเป็นการได้ออกมาอยู่คนเดียว, การที่เปิดตัว EasyDonate แล้วแมส, การได้รับงานสเกลใหญ่มาทำ แล้วก็ล่าสุดเลย ก็คือการที่ AONA Karaoke เป็นที่รู้จัก ทำให้ AONA เป็นที่รู้จักเนี่ยแหละ เป็นจุดเริ่มต้นในการคว้าโอกาสที่สำคัญมาก ๆ - เพลงอะไรที่ชอบที่สุดในปีนี้ และศิลปินด้วย ถ้าให้ตัดสินใจตอนนี้น่ะหรอ ก็คงจะเป็น Heikousen ของ Eve เหมือนมันฝังความทรงจำของเราของที่มีคุณ่ค่า ๆ ซักอย่างเอาไว้อยู่ ส่วนศิลปินคงจะเป็น Lany ต่างหาก เพราะปีนี้ได้เพิ่งมาฟังเพลงของเขาหลาย ๆ เพลง แล้วรู้ว่าตรงกับแนวเรามาก ต่อมา ปีหน้าเราหวังอะไรบ้าง - มีความสุขกับชีวิต สังคม และงานที่ทำอยู่ - ได้เข้าเรียนที่ไอทีลาดกระบัง และเป็นที่รักของเพื่อนในคณะ - มีงานที่มีความมั่นคง - ได้เปิดบริษัทสมใจและกิจการรุ่งเรือง - มีเงินเก็บถึง 1,000,000 บาท - ได้ใช้ Apple Device ตัวท๊อปครบทุกชิ้น และต้องเป็นสีขาวทุกชิ้นด้วย 🥺 - ได้ขึ้นไปพูดบนเวทีในงานเกี่ยวกับ Dev สักเวที เช่น SCBX NEXT TECH 🥺🥺🥺 ทีนี้มาตั้งคำถามให้กับตัวเราเองในปีหน้ากันดีกว่าา - ได้เปิดบริษัทแล้วใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง เราอยู่ในตำแหน่งอะไร ทำอะไรบ้าง รายได้เป็นยังไง เหนื่อยมากมั้ย แล้วประสบความสำเร็จขนาดไหน - ได้งานประจำทำหรือยัง จะเป็นขององค์กรตัวเองหรือองค์กรอื่นก็ได้ - มีรถเป็นของตัวเองไว้ขับเที่ยวเล่นกับเพื่อนหรือยัง - ชีวิตไอทีลาดกระบังเป็นยังไงบ้าง - คิดว่าอะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปีนี้บ้าง - เพลงอะไรที่ชอบที่สุดในปีนี้ และศิลปินด้วย ทั้งหมดก็คงประมาณนี้ ปีนี้อาจจะเขียนน้อยหน่อยเพราะงานยุ่งมาก 555 ตามรายละเอียดที่เขียนไว้นั่นแหละ ก็คือให้ปีนี้เป็นบทเรียนที่ดีของเราเองและทุกคน และขอให้ปี 2024 เป็นปีที่ดีสำหรับเราและทุก ๆ คนเช่นกัน HNY ล่วงหน้านะครับ แล้วรออ่านรีวิวปี 2023 ของคนอื่นต่ออยู่น้า 🥺
อะไรดราม่าอะไรเรื่องรีวิวโค้ดในกลุ่มโปรแกรมเมอร์อีกแล้ววะ งั้นไหนๆ ก็ไหนๆ ละ กำลังนั่ง BTS ไป รร. มือมันว่างพอดี ขอบ่นถึงเรื่อง “การรีวิวโค้ด” ในมุมของเราหน่อยแล้วกัน จริงๆ แล้ว ส่วนตัวเราค่อนข้างซีเรียสและจริงจังกับเรื่องจำพวกนี้มาก มันไม่ใช่แค่เรื่องของการเขียนโปรแกรม แต่มันเป็นเรื่องการถูกเปรียบเทียบ การถูกด้อยค่า จนมันกลายเป็นเรื่องของความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สังคมยุคนี้น่ากลัวจริงๆ บางคนไม่รู้ขาดความอบอุ่นจากสังคมรอบตัวกันหรืออย่างไร ที่พยายามจะทำให้ตัวเองอยู่สูงขึ้นโดยการกดคนอื่นให้ต่ำลงอยู่ตลอดเวลา พอเป็นเรื่องที่ตัวเองเชี่ยวชาญหน่อย ก็อยากจะโชว์ความรู้ของตัวเองในด้านนี้ เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองโดดเด่นในด้านนี้ ซึ่งทำออกมาดีๆ มันก็ทำได้แหละ ก็คือไปแนะนำเขาดีๆ ชี้ให้เห็นว่าไม่เหมาะสมตรงไหน อย่างไร และควรแก้ไขยังไง (พูดจาดีๆ ด้วยความจริงใจและความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลือจริงๆ) แต่บางคนกลับเลือกที่จะด่าอย่างเดียว โดยไม่ได้แนะนำวิธีการแก้ไขแต่อย่างใด ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรต่อสังคมเลยสักนิด นอกจากเป็นการเพิ่มออร่าความโดดเด่นของตัวเอง กลับกัน ทางคนที่โดน Review มา ก็มี 2 ด้านเช่นกัน ด้านนึงก็คือรับฟังและปรับปรุงแก้ไข ส่วนอีกด้านนึงก็ทำตัวเหมือนน้ำที่เต็มแก้ว โค้ดของฉันดีที่สุดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องไปปรับตามความเห็นของคนอื่นตรงไหนเลย ตอนเขียนโค้ดแรกๆ เรายังโชคดีที่เริ่มต้นในสังคมที่ดีหน่อย มีคนมาช่วยแนะนำช่วยสอน ไม่ได้โดนด้อยค่าอะไรมาก แต่ช่วง 2 เดือนแรกๆ ก็ไปแอบซุ่มเรียนรู้อยู่คนเดียวนานอยู่นะ ถึงสังคมรอบตัวไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ลึกๆ แล้วเราก็ยังกลัวถูกเปรียบเทียบอยู่ดี (เป็นคนซีเรียสเรื่องพวกนี้จริงๆ) จนสุดท้ายเราก็พอตามคนอื่นๆ ในสังคมได้ทัน แต่ก็เคยโดนตำหนิในเชิงลบบ่อยอยู่นะ จนยุคปัจจุบันก็ยังมี 🥲 สรุปง่ายๆ การรีวิวโค้ดให้คนอื่น มันสามารถทำให้มันเป็นไปในเชิงบวกได้ เพียงทำด้วยความจริงใจ แต่มันกลับถูกมองเป็นไปในเชิงลบเนื่องจากเกิดการถูกเปรียบเทียบและโดนด้อยค่า 🥶
เนื่องในวันครบรอบ 22 ปี เหตุการณ์ 911 ขอออกมาพูดเรื่องนี้ ในมุมมองของตัวเอง (อย่างจริงจัง) เป็นครั้งแรกก็แล้วกัน เผื่อใครไม่ทราบ ผมเป็นคนที่คลั่งไคล้ในตึกระฟ้ามาก และรักตึกแฝดนี้มากๆ ยังไง ไปดู อันดับแรกเลย ในมุมของ Dark Joke World Trade Center เป็นตึกระฟ้าที่ปัจจุบันคนเอาไปเล่นเป็น Dark Joke บ่อยเหลือเกิน ด้วยความที่ผมรู้จักตึกแฝดนี้มาก่อนคนอื่นๆ ตั้งแต่ประถมแล้ว ยอมรับว่าตอนแรกๆ ช่วง 2-3 ปีที่แล้ว ช่วงที่คนไทยหรือเพื่อนผมเอาไปเล่นช่วงแรกๆ ผมโกรธมากนะที่คนเอาไปเล่นตลกกัน เพราะเป็นตึกที่ผมรักมาก (รักถึงขนาดเคยเอาตั้งเป็นปกเฟสอะ ไม่เชื่อลองไปดู 555) แต่ตอนนี้คนแม่งเล่นจนเกลื่อนแล้ว เลยแบบ ช่างแม่งละ เรื่องมึง ทำไรก็ทำ เคารพผู้เสียชีวิตด้วยก็พอ เพราะมึงรู้ไหมว่าเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คนเลย (แต่ไปๆ มาๆ กูก็ไปเล่นกับเขาด้วยเฉยเลย 😭) ต่อมา ขอเกริ่น ในเรื่องความคลั่งไคล้ตึกระฟ้าของผมก่อนแล้วกัน อยากที่เพื่อนสนิทผมทราบกัน ผมเป็นผู้คลั่งไคล้ตึกระฟ้ามากๆ ตอนเด็กผมสนใจตึกมากๆ จำตึกระฟ้าในประเทศไทยกับบนโลกนี้ได้ทั้งหมด (ไม่เชื่อลองเดินเที่ยวกลางเมืองกับผมแล้วชี้ถามผมก็ได้ว่านั่นตึกอะไร ผมตอบได้ 80% มีคนเคยลองแล้ว 555) ซึ่งความชอบนี้น่าจะมาจากการที่พ่อพาเที่ยวชมวิวเมืองบ่อยละมั้ง จำได้ว่าครั้งแรกที่สนใจตึกระฟ้าคือตอนช่วงประมาณอนุบาล ตอนนั้นขับรถผ่านตึกใบหยก 2 แล้วพ่อก็ชี้ให้ดูว่า นี่ ตึกใบหยก 2 นะ ตอนนั้นเรารู้สึกชอบมาก มันใหญ่ มันสูง ดูอลังการมาก (แต่ในมุมคนอื่นอาจจะไม่ใช่แบบนั้นหรอก 555) หลังจากนั้นมาพอพ่อรู้ว่าผมชอบตึกละก็สานฝันผมต่ออีก พาขับรถชมวิวบนทางด่วนบ่อยมากก 555 ผมก็หาข้อมูลในวิกิพีเดียมันส์เลย ตึกระฟ้ามันเหมือนบ่งบอกถึงความเจริญของเมืองๆ นั้นด้วยอะ ยิ่งเมืองไหนตึกสูงๆ เยอะๆ อย่างฮ่องกงหรือดูไบเงี้ย รู้เลยว่าเจริญ แล้วเราเสือกจำตึกที่สูงท๊อปๆ ได้หมดด้วยสิ เอาเป็นว่าคลั่งไคล้ในตึกระฟ้ามากๆ แล้วกัน ซึ่งความสามารถพิเศษนี้ก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้างซะด้วย เอาไปเล่นรายการแฟนพันธ์แท้มั้ง 555555555 จนมันมีวันหนึ่ง ช่วงประถม ผมไปโม้กับพ่อว่า ผมไปอ่านวิกิพีเดียมา ผมจำชื่อตึกระฟ้าได้หมดทั้งโลกเลย พ่อผมเลยถามผมกลับว่า “งั้น.. รู้จักเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ไหม” เรางงเลย เพราะมันไม่ได้อยู่ในสถิติ แล้วเรามั่นใจว่าเราอ่านครบทุกอัน รู้จักชื่อตึกสูงทั้งหมดในเมืองนิวยอร์ค เพราะเมืองนิวยอร์คเป็นเมืองที่มีตึกระฟ้าเยอะมากๆ มาจะ 100 ปีแล้ว เราก็เลยไปนั่งค้นเลย เลยได้เจอกับตึกแฝดนั้น เราตกอยู่ในห้วงลึกของการอ่านข้อมูลของตึกแฝดนี้อยู่หลายวันเลย กล้าพูดได้ว่า ในบรรดาตึกระฟ้าทั้งหมดทั่วโลก เราชอบสองตึกที่สุด มันดูสง่าและเด่นมากในย่าน Lower Manhattan (ตอนใต้ของเกาะ Manhattan) ความเรียบง่ายและใหญ่อลังการของมัน มันทำให้ผมบ้าคลั่งและรักสองตึกนี้แบบสุดๆ ที่สำคัญ มันเหมือนกลายเป็นภาพจำของเมืองนิวยอร์กและสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ในช่วงปี 1990 คนพูดถึงนิวยอร์คหรืออเมริกา ตึกแฝดนี้ก็จะโผล่ขึ้นมาในหัวของผู้คนอย่างแรกเลย รู้สึกเสียดายมากๆ ที่เกิดชมความสวยงามนั้นไม่ทัน แต่อย่างน้อยสักครั้งในชีวิตนี้ขอให้ได้ไปเยือน Ground Zero หรือตำแหน่งที่ตั้งของตึกในปัจจุบัน (ที่เป็นน้ำพุเพื่อไว้อาลัย) บ้างล่ะน่ะ ในมุมของการก่อการร้าย ก่อนอื่นต้องออกมาพูดก่อนเลย ผมไม่ได้ชอบสองตึกนี้เพราะมันถูกเครื่องบินชนแล้วรู้สึก Satisfying ไม่ใช่แน่นอน ถึงมันไม่ถูกทำลาย ผมก็จะยังรักมัน มีครั้งนึงตอนผม ม.2 ที่ผมเอารูปตึกแฝดนี้มาตั้งเป็นปกเฟซ (เป็นรูปที่ไม่ใช่การก่อการร้าย) ผมโดนพ่อแม่ด่ายับเลย เพราะมองว่าเราสนับสนุนการก่อการร้ายรึเปล่า? จริงๆ ไม่ใช่เลยเว้ย เราทำเพราะเราชอบความสวยงามของตึกแฝดนั้นมากกว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ด้วย ผมชอบไม่ใช่เพราะผมเป็นพวกหัวรุนแรง รู้สึกดีเวลาเห็นสิ่งก่อสร้างถูกทำลาย แต่ผมชอบในความสวยงามของมันต่างหาก ที่ผมสนใจกับการก่อการร้ายคือความวุ่นวายและความโกลาหลของเมืองนิวยอร์คในวันนั้นมากกว่า ทีวีทุกช่องตัดภาพไปที่เหตุการณ์นี้ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็จำได้แค่ Timeline ของเวลาที่มันเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องอัลกอดิอะห์ เรื่องบินลาเดน เรื่องการล้างแค้นอะไรนั่น ผมแทบไม่ได้ศึกษาเลย รู้แค่คร่าวๆ เท่านั้นแหละ เวลาผมดูคลิปในยูทูปหรือหารูปภาพเกี่ยวกับตึกแฝดนี้ ผมก็จะชอบค้นว่า “World Trade Center 1970, 1980, 1990, 2000” จะสังเกตว่าไม่มีปี 2001 เพราะผมแค่ต้องการชมความสวยงามของมันระหว่างที่มันตั้งตระหง่านอยู่แค่นั้นเอง สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรจะพูดเพิ่มเติม นอกจาก “We will never forget” ครับ 🇺🇸🖤 ดูน้อยลง